Latest News

บทความลงสัมภาษหนังสือชีวิตต้องสู้รายปักษ์
ปีที่ 13 ฉบับที่ 537 ประจำวันที่ 1-15 ตุลาคม 2548
"เทียนเต็ก” ซินแส
ผู้ไขปริศนา ฟ้าดิน?
                ปัจจุบัน....ผู้ที่มีวิชาชีพเกี่ยวกับการดูดวง หรือทำนายทายโชคชะตาราศี สะเดาะห์เคราะห์ มักจะเป็นที่ยอมรับของสังคมไทย เพราะศาสตร์เร้นลับเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาช้านาน แทบจะเรียกว่า.....เกี่ยวข้องกันตั้งแต่เกิดยันตายเลยทีเดียว และถ้าหากใครทำนายทายทักได้อย่างใกล้เคียงหรือแม่นยำ เขาผู้นั้นก็มักจะได้รับการยกย่องเชิดชูดุจผู้วิเศษ เป็นเสมือนที่พึ่งทางใจให้กับคนที่กำลังได้รับความทุกข์ทั้งกาย-ใจ....
                ถ้าเอ่ยถึง “ซินแส” หรือหมอดูดวงจีน นับว่า “เทียนเต็กซินแส” ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับการยอมรับจาก “ผู้เลื่อมใส” เนื่องเพราะในช่วงก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เทียนเต็กซินแสผู้นี้ได้ทำนายทายทักบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีของ รัฐบาลทักษิณ ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งจริงๆ ได้อย่างแม่นยำ
                “เทียนเต็กซินแส” เป็นใครและทำไม? ทำนายดวงเมืองได้แม่นยำ “ชีวิตต้องสู้” ฉบับนี้มีคำตอบ....
                “เทียนเต็กซินแส” คือใคร?
                เทียนเต็กซินแส หรือพระอาจารย์ธงชัย ธมฺมกาโม มีพื้นเพเป็นคนบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา จบในระดับ ปวช. ที่วิทยาลัยพณิชยการพระนคร หลังจากเรียนจบก็เข้าทำงานในโรงโม่หินของบริษัทที่อำเภอปากช่อง ทำงานอยู่หลายปีก็ไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าจึงลาออกไปขับรถ 10 ล้ออยู่หลายปี แต่ก็ยังไม่ประสพความสำเร็จจึงขายรถและกลับบ้านเกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
                เทียนเต็กซินแสยังคงใช้ชีวิตอย่างฆราวาสทั่วไปและไม่คิดจะบวช แม้ในใจส่วนลึกแล้วชอบที่จะหาเวลาว่างนั่งสมาธิอยู่เป็นประจำ ซึ่งในการนั่งสมาธินั่นเองที่เป็นต้นเหตุแห่งการ ตัดสินใจเข้าบวชในร่มเงาของพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบัน

                "อาตมาคิดว่าคนที่นั่งสมาธิได้นี่เป็นผู้วิเศษ จะเป็นคนที่มีความสามารถเหนือคนอื่น" คิดแล้วก็ตัดสินใจที่จะบวชเรียนเพื่อฝึกฝนสมาธิ ซึ่งในตอนนั้นคิดอย่างเดียวคือ จะต้องเป็นคนที่มีความพิเศษซึ่งต้องมาจากการนั่งสมาธิ และคิดในขณะนั้นว่า "สวนโมกข์ นี่แหละเหมาะที่สุดที่จะเป็นที่ศึกษาหาความรู้"
                ในระหว่างที่บวชเรียนนั้น เทียนเต็ก ซินแส ก็ถือโอกาสศึกษาธรรมะจนสอบได้นักธรรมตรี นักธรรมโทและนักธรรมเอกตามลำดับ และในระหว่างนั้นก็มีโอกาสที่ได้พบกับ “ซินแส” คนหนึ่ง พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องราวต่างๆ ซึ่งต่างฝ่ายต่างถูกอกกถูกใจกัน เทียนเต็ก ซินแส จึงฝากตัวเป็นศิษย์และนั่นคงจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการโหราศาสตร์

 







 ยามว่างจากการเทศน์ อาจารย์เทียนเต็กซินแสก็จะจัดรายการเกี่ยวกับธรรมะทางวิทยุกระจายเสียงไปด้วย
ปัจจุบัน.....อาจารย์เทียนเต็กจำพรรษาอยู่ที่ วัดแดงประชาราษฏร์ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางสีทอง จ.นนทบุรี 11130 โทร. 0-2447-3593 08-1936-6908
                “อาตมาได้มีโอกาสศึกษาการอ่านดวงจีนและฮวงจุ้ยในสาขาโป๊ยยี่สี่เถียวอย่าง จริงจัง โดยได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์สินศักดิ์ วิศิษย์สกุล จนได้รับความรู้พื้นฐานมาระดับดี และได้ศึกษาเพิ่มเติมจากตำราโบราณที่หลายคนคิดว่าได้สูญหายไปแล้ว รวมทั้งปรึกษาผู้มีประสบการณ์อีกหลาย ๆ ท่าน จนความรู้ที่ได้มาสามารถตอบปัญหาในการอ่านดวงจีนและฮวงจุ้ยเพิ่มขึ้นอีกมาก มาย ซึ่งแต่เดิมไม่สามารถตอบปัญหาในการอ่านดวงบางประการได้และจากการศึกษาอย่าง จริงจังและมุ่งมั่นทำให้อาตมารู้ว่า...การดูดวงจีนและการดูฮวงจุ้ยที่แท้ แป็นเรื่องเดียวกัน แต่ที่แยกออกเป็นสองส่วนในปัจจุบันก็เพราะปัญหา “ความอยู่รอด” ของคนที่ศึกษานั่นเอง”
                เมื่อ เทียนเต็กซินแส สามารถอ่านดวงจีนได้อย่างปรุโปร่ง และเริ่มได้รับความเชื่อถือจากคนที่เดือดร้อน และได้นำดวงเข้าไปวิเคาะห์เพื่อใช้แก้ไขปัญหาชีวิตแล้ว ก็เริ่มคิดจะเขียนหนังนือไว้เพื่อเป็นแนวให้กับผู้สนใจจะศึกษาวิชา โหราศาสตร์จีนได้นำไปศึกษา
                “ในเจตนาเดิมนั้นที่อาตมาได้เขียนหนังสือสอนการอ่านดวงจีน เล่ม 1 และมาเพิ่มเติมในส่วนของฮวงจุ้ย เล่ม 2 นั้นเพื่อใช้เป็นคู่มือในการเรียน ในการอ่านดวงจีนและฮวงจุ้ย และอาตมามุ่งหวังว่าจะเป็นส่วนช่วยอนุรักษ์ศาสตร์และศิลป์แห่งการอ่านดวงจีน ไว้ให้เป็นมรดกของชนรุ่นหลังได้ศึกษาศาสตร์นี้เพื่อนำไปช่วยเหลือเพื่อน มนุษย์ในโอกาสต่อไป”
                ทำไมต้องโป๊ยยี่สี่เถียว?
                เทียนเต็กซินแส บอกกถึงการตัดสินใจเรียนโหราศาสตร์จีน แทนที่จะเรียนโหราศาสตร์ไทยเหมือนคนไทยทั่วไปว่า....วิชาโหราศาสตร์จีนนั้น มีความเป็นมายาวนาน และยังมีความท้าทายด้วยการเอาหลักธรรมชาติเข้ามาใช้เพื่อทำนายตัวบุคคล ซึ่งหากไล่เรียง วัน เดือน ปี เกิด เวลาตกฟากอย่างถูกต้อง จะมีความแม่นยำสูงมาก
                สำหรับการดูดวงแบบโป๊ยยี่สี่เถียวนั้น จะมีหลักการดูง่าย ๆ คือ อิมเอี้ยง (ความสมดุล) โหราศาสตร์ของจีนจะใช้หลักสมดุลของธาตุทั้ง 5 เป็นหลัก
            1. คือถ้าแข็งแรงเกินไป ต้องถ่ายเทออก (หมายถึงมีความสุขสบาย) และไปพิฆาตลาภได้ (หมายถึงร่ำรวย)
            2. ถ้าดิถีอ่อนแอเกินไป ต้องการธาตุส่งเสริม (หมายถึงความสำเร็จ) และธาตุช่วยเหลือ (หมายถึงมีหุ้นส่วน,มีกำลังความสามารถเพิ่มขึ้น มีคนช่วยเหลือสนับสนุน)
                เพราะฉะนั้นใน 5 ธาตุ จึงไม่มีธาตุใดที่ให้คุณเพียงอย่างเดียว หรือให้โทษเพียงอย่างเดียว คือเป็นได้ทั้งธาตุที่ให้คุณและธาตุที่ให้โทษ (ธาตุที่ให้คุณ ถูกพิฆาตจะกลายเป็นธาตุให้โทษและธาตุที่ให้โทษ ถูกพิฆาตจะกลายเป็นธาตุที่ให้คุณ)
                            น้ำให้กำเนิดไม้ แต่ไม้ก็ถูกพิ ฆาตโดยธาตุทอง
                            ไม้ให้กำเนิดไฟ แต่ไฟก็ถูกพิฆาตโดยธาตุน้ำ
                            ไฟให้กำเนิดดิน แต่ดินก็ถูกพิฆาตโดยธาตุไม้
                            ดินให้กำเนิดทอง แต่ทองก็ถูกพิฆาตโดยธาตุไฟ
                            ทองให้กำเนิดน้ำ แต่น้ำก็ถูกพิฆาตุโดยธาตุดิน
                แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่มีแต่คุณไม่มีโทษ คือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ไม่ว่าจะสร้างขึ้นมาจากอะไรก็ตาม สังเหตุจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่สร้างขึ้นในวัด หรือในอารามต่างๆ บางแห่งก็เป็นไม้ บางแห่งก็เป็นปูนปั้น บางแห่งก็แกะสลักจากหิน บางแห่งถึงกับหล่อหลอมจากทองคำ และแม้บางที่จะหล่อหลอมจากทองเหลือง แต่ก็ยังมีคนศรัทธานำทองคำใส่ร่วมกับทองเหลืองด้วย ยิ่งทำจากสิ่งที่หายากจะยิ่งมีคุณค่า เช่น พระแก้วมรกต เจ้าแม่กวนอิมพันมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่เพชรบุรี แกะสลักมาจากไม้การบูรหอม พระพุทธรูปที่หล่อจากทองคำ ที่วัดไตรมิตร กทม. เป็นต้น
                “ในส่วนตัวแล้วอาตมามีความชอบในการเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ ในยามว่าหลังปฏิบัติธรรมและกิจสงฆ์ เพื่อหาข้อมูลและแนวการสอนในโอกาสต่อไป ในส่วนนี้เองจึงเป็นโอกาสของอาตมาที่ได้เก็บข้อมูลของผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก (ซึ่งในภายหลังจึงได้นำมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และศึกษาการอ่านดวงซึ่ง ก่อประโยชน์อีกมากมาย)”
บรรยากาศภายในห้องประชุมตามสถานที่ ต่างๆ ที่อาจารย์เทียนเต็กซินแสไปเทศน์ จะเห็นบรรดานักเรียน นักศึกษา และนักโทษ ต่างนั่งฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่หลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ถึงกับปล่อยโฮออกมา
                หลายคนคงสงสัยว่า....เป็นพระสงฆ์แล้วดูดวงได้หรือไม่ และผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ เทียนเต็กซินแส ยอมรับว่า ...”การดูดวงผิดวินัยสงฆ์แน่นอน แต่ถ้าต้องการช่วยคนจากนรก ตัวเราก็ต้องยอมที่จะลงไปนรกด้วย มันถึงจะช่วยเขาได้”
ทุกวันนี้อาตมา เปิดเว็บไซด์ชื่อ tiantek.com ขึ้น เพื่อช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนในเรื่องปัญหาต่างๆ ซึ้งอาตมาไม่ได้มุ่งหวังที่จะกอบโกยค่าครู แต่อยากจะช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ หากใครที่ไม่สามารถเดินทางมาหาอาตมาที่วัดแดงประชาราษฏร์ได้ ก็สามารถติดต่ออาตมาทางเว็บไซด์ ซึ่งคนที่กำลังมีปัญหาสามารถที่จะเขียนบอกวัน เดือน ปี เกิด และเวลาตกฟากตามหลักสากล ระบุเพศ อาชีพ และสถานภาพให้ชัดเจน เช่นแต่งงานปีไหน ถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญควรจะบอกเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ทราบเป็นปีพ.ศ. ด้วยเพื่อความแน่นอนยิ่งขึ้น
                เทศน์จนนักเรียนร้องไห้
                นอกจาก เทียนเต็กซินแส จะแตกฉานด้านการดูดวงแบบจีน หรือ “โป๊ยยี่สี่เถียว” แล้วกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ได้ทำมาตลอดและต่อเนื่อง ในระหว่างที่บวชอยู่คือ การออกเทศน์สั่งสอนตามโรงเรียนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพ ๆ และต่างจังหวัด และในการเทศน์แต่ละครั้งจะมีเด็กนักเรียนที่เข้าฟังร้องห่มร้องไห้ทุกครั้ง เพราะการเทศน์ของพระอาจารย์นั้น “กินใจ” และ “ลึกซึ้ง” ซึ่งเรื่องที่นำมาเทศน์ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องพระคุณพ่อ-แม่
                “อาตมาในนามของเทียนเต็ก ซินแซ อาตมาเป็นพุทธสาวกผู้หนึ่งที่ได้ปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนขององค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า และถ้ามีเวลาเหลือบ้างก็จะออกตระเวรตามสถาบันการศึกษาตั้งแต่โรงเรียนประถม ศึกษาบ้าง มัธยมศึกษาบ้าง และในบางครั้งก็ในระดับอุดมศึกษาบ้าง ในหลายฯจังหวัดเพื่อขอเวลาเข้าสอนนักเรียนนักศึกษาในส่วนของพุทธศาสนาและการ ครองตนในฐานะพุทธมามะกะ”
                อาจารย์เทียนเต็ก บอกว่า...”เรื่องที่อาตมานำไปเทศน์ตามโรงเรียนจะเป็นเรื่องพระคุณของพ่อแม่ โดยจะมีเนื้อหาที่เน้นถึงความเหนื่อยยากของพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูก อาทิ....
                ยามเราเหนื่อยยากตรากตรำมาพอถึงบ้านเจอหน้าแม่ก็ชื่นใจหายเหนื่อยเพราะแม่จะ บอกว่ากลับมาแล้วหรือลูก...เหนื่อยไหม..ไปอาบน้ำแล้วค่อยมาทานข้าวนะลูก นะ..เท่านั้น ความเหนื่อยยากก็หายเป็นปลิดทิ้ง เห็นหน้าแม่ความทุกข์เศร้าก็หาย ยามใดมีความทุกข์มากแก้ไม่หาย เอนลงข้างกายของแม่เอาหัวหนุนตักแม่ บอกแม่จ๋าลูกกลุ้มอย่างนี้ฯ...ลูกผิดอย่างนี้ฯ...ถ้าเป็นคนอื่นก็จะด่า ประณามแต่แม่จะค่อยฯเอามือลูบที่ศีรษะอย่างแผ่วเบาแล้วบอกว่า ลูกเอ๋ย...แม้นใครจะว่าเจ้าชั่วแต่แม่ว่าลูกของแม่ดีอยู่เสมอ ลูกเอ๋ย...ถึงแม้คนทั้งโลกจะประณามว่าลูกของแม่ชั่วแต่แม่ไม่ว่าลูกของแม่ ชั่วหรอก เจ้าเป็นเลือด เป็นเนื้อ เป็นชีวิตและดวงใจของแม่ลูกไม่ต้องเป็นห่วงตราบใดที่แม่ยังอยู่แม่นี่แหละจะ เช็ดน้ำตาให้กับเจ้า ทุกข์ใดที่เจ้ามีอยู่แม่จะช่วยเจ้าตลอดเวลาลูกรัก...
                ท่านทั้งหลาย...เสียงนี้เป็นเสียงที่แม่เคยกล่าวไว้ตอนที่ท่านยังมีชีวิต อยู่...แต่บัดนี้หากว่าแม่เสียชีวิตไปแล้วยามที่เรามีความทุกข์มากจะไปนอน ที่ตักใครหนอ...จึงมีแต่ความว่าง มองดูที่เตียงของแม่เห็นแต่ที่นอนที่ว่างเปล่า เพียงมองเห็นหมอน เห็นผ้าห่ม เห็นรองเท้าเห็นไม้ค้ำยันของแม่เท่านั้น บัดนี้เราจะไม่ได้พบแม่อีกแล้ว
                ยามใดเราเข้าไปในห้องทุกครั้ง มองเห็นภาพคุณแม่นอนอยู่บนเตียงและแม่ยังบอกว่าพึ่งกลับหรือลูก แต่บัดนี้คุณแม่ตายแล้วยามที่เราโผล่เข้าไปในห้องนั้นมีแต่เตียงเปล่าฯ เสียงที่ท่านเคยบอกว่ากลับแล้วหรือลูก...ไม่มี มันจึงมีแต่ความเงียบ มีแต่ความสงัด ท่านที่รักเราไม่มีแม่อีกแล้ว เมื่อก่อนเห็นรองเท้าของแม่ก็นึกว่าแม่มีอยู่ บัดนี้รองเท้าของแม่ยังอยู่ที่เก่า แต่พอเข้าบ้านแม่จ๋า...แม่อยู่ไหน แม้ยามลูกอยู่ไกลอุตสาห์เข้าไปกราบพระ กราบรูปของแม่ที่ข้างโต๊ะบูชาแล้วพรรณากับรูปของแม่ แต่ทว่าแม่ไม่พูดกับลูกเลย...แม่อยู่ไหนนะแม่...
                อาจารย์เทียนเต็ก บอกในตอนท้ายว่า...”การเดินทางไปเทศน์ให้กับนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศได้ฟัง และนำไปปฏิบัติในชีวิตจริงนั้น ถือเป็นกิจกรรมของสงฆ์ที่สามารถทำได้” และนั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิตสมณะนาม “พระอาจารย์ธงชัย ธมฺมกาโม หรือ “เทียนเต็กซินแส” ผู้ซึ่งสามารถแยกส่วนการทำประโยชน์ต่อผู้คนทั่วไป ทั้งทางโลกและทางธรรมได้อย่างลงตัว...




:: www.tiantek.com :: Designed by Templateism.com Copyright © 2014

รูปภาพธีมโดย Bim. ขับเคลื่อนโดย Blogger.